ทึ่ง…! คู่รักแท้ 2 เฒ่าชราสองผัวเมียเสียชีวิตตั้งศพบำเพ็ญกุศลคู่กัน

ก.ค. 31, 2014 admin ข่าวหน้า 1 0

---

 

สุดทึ่ง…!รักแท้ของสองผู้เฒ่าวัยกว่า 80 ปีที่ครองรัก ครองคู่กันมายาวนานเกือบ 60 ปี จนภรรยาเสียชีวิต ลูก ๆ นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลโยไม่กล้าแจ้งให้พ่อทราบเกรงเสียใจช็อคเสียชีวิตได้ -แต่หลังจากบำเพ็ญกุศลศพแม่ได้ 2 วัน พ่อแจ้งกับลูก ๆ ว่าจะไปอยู่กับแม่แล้ว ก่อนสิ้นลมหายใจจากไปอย่างสงบ-ผู้คนยกย่องเป็นตัวอย่างคู่รักแท้…!

(31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายได้รับรายงานว่าที่วัดราษฎร์ประดิษฐ์ (มะม่วงสองต้น) หมู่ 1 ต.มะม่วงสองต้น  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการตั้งศพ 2 ศพบำเพ็ญกุศลคู่กัน ท่ามกลางญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่แห่ไปร่วมบำเพ็ญกุศลศพและจับกลุ่มพูดคุย วิพากวิจารณ์การเสียชีวิตและตั้งศพบำเพ็ญกุศลเคียงคู่กันอย่างกว้างขวาง

จึงเดินทางไปตรวจสอบพบพระภิกษุกำลังสวดพระอภิธรรมศพนายสนั่น ชตาฤกษ์  และนางแต้ม ชตาฤกษ์ สองสามีภรรยา อายุ 83 ปีเท่ากัน  โดยศพทั้งในศาลาโรงธรรมคู่กัน ในขณะที่กลางลานวัดข้างศาลาโรงธรรมมีการกางเต้นจัดเลี้ยงแขกหรื่อและพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เดินทางมาร่วมบำเพ็ญกุศลศพและไว้อาลัยกับสองสามีภรรยาที่เสียชีวิตจากไปพร้อมกันเป็นจำนวนมาก  โดยผู้ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลศพต่างกล่าวในลักษณะยกย่องผู้ตายทั้งสองว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันเป็นอย่างมาก และเป็นรักแท้แม้จะเสียชีวิตก็ขอลาโลกไปพร้อม ๆ กัน  น่ายกย่องรับถือและเป็นเยี่ยงอย่างให้คนในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันปัญหาการหย่าร้างมรสถิติเพิ่มสูงขึ้น นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคมไม่น้อย

นายสมพร ชตาฤกษ์ หรือ “เณร” อายุ 42 ปี ลูกคนสุดท้องของนายสนั่น และนางแต้ม ผู้ตาย เจ้าของธุรกิจร้านน้ำชา-กาแฟ “รุนทก” กล่าวว่า พ่อแม่อยู่กินฉันสามีภรรยากันมานานเกือบ 60 ปีแล้วมีบุตรด้วยกันจำนวน 4 คน  ในปัจจุบันลูก ๆ แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว พ่อและแม่อาศัยอยู่กับตนซึ่งเป็นลูกคนสุดท้อง ที่ผ่านมาทั้งสองมีความรัก ความผูกพันกันเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยพบเห็นการขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทรุนแรง  โดยคุณพ่ออายุจริง ๆ พ่ออายุ 81 ปี ส่วนแม่อายุ 82 ปี ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพ่อล้มป่วยด้วยโรคชราและเป็นอัมพฤกษ์เดินหรือเคลื่อนไหวไม่สะดวก ตนและพี่ ๆ น้อง ๆ จะนำคุณพ่อไปตรวจรักษาพยาบาลเป็นระยะ โดยมีคุณแม่คอยปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้าน

จนเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2557 ผ่านมาขณะที่แม่ปรนนิบัติดูแลพ่ออยู่ที่บ้านแม่เกิดล้มหัวกระแทกกับขอบปูนในห้องน้ำ ทำให้ศีรษะแตกมีเลือดไหลและช้ำบวมเล็กน้อย ตนและพี่ ๆ น้อง ๆ จะนำแม่ไปโรงพยาบาล แต่ไม่บอกว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลเพราะแค่มีบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น ตนจึงทำแผลให้และให้พักผ่อนพร้อมคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นพบว่าแม่มีอาการทรุดหนัก ไม่ค่อยรับประทานอาหาร พูดน้อยลงในเช้าวันที่ 24 ก.ค. 2557 ตนและญาติพี่น้องจึงนำส่ง รพ.มหาราช  และโดยไม่มีใครคาดคิดแม่ได้เสียชีวิตลงด้วยความสงบในเวลาประมาณ 09.30 น. ตนและญาติ ๆ จึงนำศพแม่กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฎร์ประดิษฐ์ โดยไม่แจ้งให้พ่อทราบ เพราะเกรงพ่อจะเสียใจทำให้อาการทรุดหนักได้”

นายสมพร กล่าวอีกว่าในระหว่างการบำเพ็ญกุศลศพแม่ ลูก ๆ และญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านข้างเคียงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดดำออกจากบ้านในตอนหัวค่ำทุกวันทำให้พ่อสงสัย จึงสอบถามตนและพี่ ๆ น้อง ๆ ว่าไม่มึงไปโรงพยาบาลหลายวันเมื่อไหร่จะกลับ ตนและพี่ ๆ น้อง ๆ จึงโกหกพ่อว่าแม่ใกล้จะหายไข้แล้ว ขอให้หมอตรวจรักษาให้หายปกติเสียก่อนแล้วจะไปรับกลับบ้าน ซึ่งเท่าที่สังเกตอาการของพ่อเหมือนจะรู้ว่าแม่ตายไปแล้ว พ่อจึงมีอาการซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น จนตนและญาติพี่น้องต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม

“จนกระทั้งในตอนเย็นของวันที่ 27 ก.ค. 2557 ในขณะที่ตนต้องไปดูแลความเรียบร้อยในงานบำเพ็ญกุศลศพแม่ที่วัดราษฎร์ประดิษฐ์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1.5 กม. พี่สาวได้ซึ่งดูแลพ่ออยู่ที่บ้านได้โรศัพท์มาบอกว่าพ่ออาการไม่ค่อยดี พูดเพ้อบอกว่าจะไปอยู่กับแม่แล้ว ตนและญาติพี่น้องจึงรีบนำส่ง รพ.มหาราช แต่หลังจากไปถึงโรงพยาบาลได้ไม่ถึง 1 ชม.พ่อก็สิ้นลมหายใจอย่างสงบท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้อง ตนและญาติ ๆ จึงนำศพของพ่อแม่ตั้งบำเพ็ญกุศลเคียงคู่กับศพแม่ ในศาลาโรงธรรมวัดราษฎร์ประดิษฐ์พร้อมเขียนระบุอายุ 83 ปีเท่า ๆกัน”

สำหรับการกำหนดฌาปนกิจศพคุณพ่อ คุณแม่นั้น ในตอนแรกทางญาติพี่น้องได้ตกลงกันว่าจะฌาปนกิจศพพร้อมกันในวันนี้ (31 ก.ค.) ที่ฌาปนสถานวัดราษฎร์ประดิษฐ์ แต่เจ้าอาวาสแจ้งว่าเมรุของวัดคงไม่สามารถเผาศพ 2 ศพได้ในวันเดียวกันจึงกำหนดเผาศพแม่ในวันนี้เวลา 15.00 น. ส่วนศพพ่อจะเผาที่เดียวกันในวันที่ 2 ส.ค. 2557.

---