Latest update ตุลาคม 20th, 2025 3:37 PM

  • หน้าแรก
  • ข่าวหน้า 1
  • ข่าวสินค้าและผลิตภัณฑ์
  • โครงการขับขี่สวมหมวกนิรภัย 100%
  • ห้องข่าว
  • Gallery

โอดี้ข่าวสารออนไลน์

Latest News

  • ดีน่า จับมือ บิ๊กซี ชวนคนไทยร่วมเทศกาลกินเจ “กินเจทั้งที มันต้องดีน่า” เติมสุข อิ่มบุญ อิ่มใจ ไปด้วยกัน
  • “เมเบิ้ล-แป้งจี่” ถ่ายทอดชีวิตรักสุดเข้มข้นหลังกรงขัง!! ใน “CLAIREBELL คลั่ง/รัก/นักโทษ” เริ่ม 1 พ.ย.นี้ ทางช่องวัน31
  • เบื้องหลังสุดอบอุ่น! นักแสดงช่อง 3 แท็กทีมถ่ายปฏิทินปี 2569 สาดความสดใสส่งท้ายปี
  • ญาญ่า เสิร์ฟพลังบวก แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ Almond Breeze® สูตร 25 kcal ปลุกพลังบวกสายเฮลท์ตี้ แคลต่ำสุดในตลาด
  • ดาราตบเท้าเชียร์ศึกแดงเดือดกลางกรุงฯ ร่วมชมบิ๊กแมตซ์ “ลิเวอร์พูล VS แมนฯ ยูไนเต็ด” สุดมันส์!!!
  • Home
  • หน้าแรก
  • ข่าวหน้า 1
  • ซุบซิบบันเทิง
  • ข่าวสังคม
  • ข่าวกีฬา
  • โครงการขับขี่สวมหมวกนิรภัย 100%
  • ห้องข่าว
  • Gallery
  • follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Google+
    • Pinterest
    • RSS Feed
    • Linked
    • Youtube

นายกฯ ประชุม ศบค. เห็นชอบปรับพื้นที่สีเขียว 77 จังหวัดทั่วประเทศ สธ. แนะให้สวมหน้ากากอนามัยในกลุ่ม 608 และในพื้นที่แออัด สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง เปิดให้บริการตามกฎหมายกำหนด

มิ.ย. 18, 2022 admin ข่าวสังคม 0


วันนี้ (17 มิถุนายน 2565) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2565 ย้ำมาตรการ Universal Vaccination เร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 เพื่อการเข้าสู่โรคประจำถิ่น เห็นชอบปรับพื้นที่สีเขียว 77 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขแนะให้สวมหน้ากากอนามัยในกลุ่ม 608 และในพื้นที่แออัด พร้อมเห็นชอบเปิดสถานบันเทิงได้ตามกฎหมายกำหนด นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแนะนำและต้อนรับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองพัทยาที่เข้าร่วมประชุม ศบค. เป็นครั้งแรก พร้อมกล่าวว่าการประชุม ศบค. วันนี้ถือเป็นการประชุมที่พร้อมเพรียงกันทั้งหมด โดยวันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นตามลำดับ จากตัวชี้วัดคือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำแต่ก็ยังไม่น่าพอใจ จนกว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งได้พยายามกวดขันในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่จะต้องเป็นไปตามที่ประมาณการไว้คือ 60% ขึ้นไป ซึ่งขอให้เร่งรัดดำเนินการให้มากยิ่งขึ้น โดยขอฝากกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยาด้วย อย่างไรก็ตาม ได้มีการผ่อนคลายมาตรการให้หลายพื้นที่สามารถดำเนินกิจการ กิจกรรมได้มากขึ้น ขอย้ำเตือนให้ทุกคนยังคงต้องดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข 2U (Universal Prevention และ Universal Vaccination) อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การจะเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 ไปสู่โรคประจำถิ่นนั้น หนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย คือ Universal Vaccination ประชาชนจะต้องได้รับวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นครอบคลุมทุกกลุ่ม โดย กทม. และทุกจังหวัดต้องมีความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 แต่ขณะนี้หลายพื้นที่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนด จากข้อมูลที่ได้รับรายงาน จึงต้องเร่งสื่อสารให้ประชาชนทราบข้อมูลที่เป็นเชิงวิชาการว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 4-6 เดือน ภูมิคุ้มกันจะลดลง การฉีดเข็มกระตุ้นจะสามารถป้องกันการติดเชื้อ ลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ดี จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสำรวจพื้นที่ที่ยังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่ำกว่าเป้าหมาย และดำเนินการเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนเข็มกระตุ้นได้อย่างทั่วถึง สะดวก และง่ายที่สุด เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อแผนการเปลี่ยนผ่านโรคโควิ-19 ไปสู่โรคประจำถิ่น นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง รวมถึง ผู้จัดงาน/จัดกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะดำเนินการโดยภาครัฐหรือภาคเอกชน ประชาชน ยังต้องอยู่ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมและสามารถรับมือได้ทันท่วงที ทั้งนี้ การบริหารจัดการสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของ ศบค. ได้ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นตอน มีการพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบจากศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ได้ร่วมกันวิเคราะห์กลั่นกรอง โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอ ศบค. ในการอนุมัติกำหนดมาตรการ และการบริหารจัดการในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน การเดินหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น ขอขอบคุณในช่วงที่ผ่านมารวมถึงระยะต่อไปที่ทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน จนทำให้สามารถผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมาได้ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด และเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์ไว้ในการเข้าสู่โรคประจำถิ่น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำให้มีการใช้จ่ายงบประมาณที่สนับสนุนในเรื่องของโควิด-19 ทั้งจากงบกลางและงบเงินกู้ อย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ จึงขอให้พิจารณาปรับลดในสิ่งที่ไม่จำเป็น ให้ใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ประหยัด และมีประสิทธิภาพ สำหรับมติ ที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญมีดังนี้ ศบค. เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร พร้อมเห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคในประเทศ มีผลนับตั้งแต่ประกาศราชกิจจานุเบกษา/มีผลได้ทันที ดังนี้ 1) พื้นที่สถานการณ์ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ ยกเลิกการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 2) มาตรการการใส่หน้ากาก ควรสวมหน้ากาก และให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิด หรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก 3) การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามปกติโดยต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง 4) สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง ฯลฯ เปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด 5) การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ผ่อนคลายให้การดำเนินการเป็นไปตามปกติ 6) การคัดกรองอุณหภมิ ไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่ (อาจให้มีการคัดกรอง อุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด) 7) การเว้นระยะห่าง แนะนำให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ โรค ? มาตรการการรวมกลุ่ม ตรวจคัดกรอง ATK กรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ขอให้แจ้งทางคกก.โรคติดต่อจ./กทม.ทราบ เพื่อเฝ้าระวังการระบาด ศบค. เห็นชอบข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 ดังนี้ 1) การยกเว้นการลงทะเบียน Thailand Pass หรือ CoE ของคนต่างชาติ โดยขอให้สำแดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจหาเชื้อแบบต่าง ๆ โดยให้มีการสุ่มตรวจเอกสาร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ 2) ยกเลิกมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ 3) ยกเลิกการกำหนดเงินประกัน (ส่งเสริมการซื้อประกัน) ศบค. เห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการสังคม ชุมชน และองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-pandemic ดังนี้ 1. สำหรับประชาชนกลุ่มเฉพาะ • กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น • ผู้ติดเชื้อ /ผู้สัมผัส เสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น 2. สำหรับประชาชนทั่วไป / ผู้ใช้บริการ 1) สถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง ให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือ มีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬาหรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม ฯลฯ 2) สถานที่ภายในอาคาร ให้สวมหน้ากาก โดยสามารถถอดหน้ากาก กรณี • อยู่คนเดียว • หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด และอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี • มีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง ฯลฯ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที ทั้งนี้ มาตรการที่ ศบค. เห็นชอบในวันนี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำรายละเอียดออกเป็นข้อกำหนดประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในการทำงานร่วมกันและชื่นชมในสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังและขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ประชุมปรึกษากันเพื่อเป็นทางออกให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองและผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีต้องการเห็นภาพของการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ และนำประชาชนไปสู่อนาคตที่ดี แสดงให้เห็นศักยภาพของประเทศไทยที่จะมีความพร้อมในการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย เกิดความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุข รวมถึงการค้าการลงทุน และด้านอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย #สำนักข่าวภูมิภาค#โอดี้NEWSรายงาน#โอดี้FMมีเดียประเทศไทย


บิวกิ้น - พีพี ควงคู่จัดโชว์สุดพิเศษ ในงาน EVEANDBOY x Billkin and PP Mid year sale 2022 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ เฝ้าฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565

admin

Related articles
  • ดีน่า จับมือ บิ๊กซี ชวนคนไทยร่วมเทศกาลกินเจ “กินเจทั้งที มันต้องดีน่า” เติมสุข อิ่มบุญ อิ่มใจ ไปด้วยกัน
    ดีน่า จับมือ...

    ต.ค. 20, 2025 0

  • “เมเบิ้ล-แป้งจี่” ถ่ายทอดชีวิตรักสุดเข้มข้นหลังกรงขัง!! ใน “CLAIREBELL คลั่ง/รัก/นักโทษ” เริ่ม 1 พ.ย.นี้ ทางช่องวัน31
    ...

    ต.ค. 20, 2025 0

  • เบื้องหลังสุดอบอุ่น! นักแสดงช่อง 3 แท็กทีมถ่ายปฏิทินปี 2569 สาดความสดใสส่งท้ายปี
    ...

    ต.ค. 20, 2025 0

  • ญาญ่า เสิร์ฟพลังบวก แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ Almond Breeze® สูตร 25 kcal ปลุกพลังบวกสายเฮลท์ตี้ แคลต่ำสุดในตลาด
    ญาญ่า...

    ต.ค. 20, 2025 0

More in this category
  • เรวัตฯ นายก  อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่พบปะประชาชนบ้านแหลมพันวา รับฟังปัญหาและความต้องการของชุมชน
    เรวัตฯ นายก ...

    ต.ค. 15, 2025 0

  • เรวัตฯ นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เดินหน้าป้องกันภัยออนไลน์ เสริมเกราะคุ้มกันให้ประชาชนและผู้ประกอบการ
    เรวัตฯ นายก...

    ต.ค. 15, 2025 0

  • เรวัตฯ นายก อบจ.ภูเก็ต ต้อนรับคณะ อบจ.สุราษฎร์ธานี ศึกษาดูงานการจัดตั้ง ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)
    เรวัตฯ นายก...

    ต.ค. 15, 2025 0

  • เรวัตฯ นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมกิจกรรมวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน 2568
    เรวัตฯ นายก...

    ต.ค. 15, 2025 0


วิทยุ โอดี้F.M.มิวสิค 76 ทั่วประเทศ

จำนวนผู้เข้าชม