Latest update ธันวาคม 11th, 2025 9:39 AM
ธ.ค. 11, 2025 admin ข่าวประชาสัมพันธ์ 0










เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือ ‘ท่านกูฏ’ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค ทายาทจึงร่วมกันจัดนิทรรศการพิเศษ The Power of Visualisation เพื่อรำลึกและถ่ายทอดแนวคิด ปรัชญาที่สะท้อนอยู่ในวิถีชีวิต และผลงานของท่านกูฏที่มีอิทธิพลกับศิลปะไทยสมัยใหม่ของไทย ตลอดจนผู้คนรอบข้างและครอบครัว นิทรรศการนี้จะพาผู้ชมย้อนรอยชีวิต ผลงาน และความคิดอันเป็นสากลของศิลปิน ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ขบถต่อระบบ’ ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ไฮไลต์สำคัญของนิทรรศการ The Power of Visualisation
นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อยกย่อง ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ผู้ได้รับฉายาจากรุ่นน้องว่า ‘ท่าน’ นำเสนอประวัติชีวิตของท่านกูฏ ตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในปี พ.ศ. 2525 ท่านกูฏหลงใหลในวิชาช่างมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงได้เข้าเรียนเพาะช่างและเป็นหนึ่งในนักศึกษารุ่นแรกของศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
ฝึกปฏิบัติ การศึกษาทางธรรมจากหลากหลายศาสนา และประสบการณ์แนวคิดแบบ Animism (Magic Realism) ซึ่งนำไปสู่ขั้นตอนนิรมิตผลงาน Original Great Art ที่ปรากฏอยู่ในสถานที่สำคัญมากมาย เช่น พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ วัดวาอาราม และโรงแรมหลายแห่งทั่วประเทศ
นิทรรศการในครั้งนี้ จึงมุ่งหวังให้ผู้ชมเกิดแรงบันดาลใจจากปรัชญาการดำเนินชีวิตและผลงาน จุดประกายความสงสัยและอยากรู้จักตัวตนและผลงานของศิลปินนามว่า ‘ท่านกูฏ’ มากยิ่งขึ้น
นิทรรศการ The Power of Visualisation จัดขึ้น ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ภายในโครงการ ท่าช้าง-วังหลวง ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2569 เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. บัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาท และนักเรียน / นักศึกษา / เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร 150 บาท
เกี่ยวกับ ‘ท่านกูฏ’
ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ท่านกูฏ’ (พ.ศ. 2468–2525) เป็นศิลปินชั้นครูชาวไทย และศิลปินไทยหัวก้าวหน้ารุ่นแรก ๆ ที่ทำงานศิลปะไทยร่วมสมัย และศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2487 เป็นนักศึกษารุ่นที่ 2 ของคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ รวมถึงลูกศิษย์ของศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี
ท่านกูฏเป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษา ‘รุ่นก๊อก’ ที่นำวิธีการแบบ post-impressionism มาใช้และได้รับฉายาจากรุ่นน้องว่า ‘ท่าน’ จากการไม่คล้อยตามแนว Academic และเป็นขบถต่ออาจารย์ศิลป ทั้งยังบุกเบิกงานด้าน จิตรกรรมฝาผนังไทยร่วมสมัย โดยใช้เทคนิคการวาดรูปและการใช้สีที่แตกต่างจากศิลปินท่านอื่นในยุคนั้น หรือที่เรียกว่า จิตรกรรมใหญ่อภิศิลป (Great Art) ตามคำแนะนำของอาจารย์ศิลป
นอกจากเป็นจิตรกรแล้ว ท่านกูฏยังเป็นทั้งมัณฑนากร นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ศิลป์ และนักดนตรี ผลงานของท่านแผ่ขยายไปในศิลปะหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น จิตรกรรมฝาผนัง วรรณกรรม และนาฏลักษณ์ศิลปะเริงรำ แนวคิดของท่านกูฏใกล้กับแนวสัจจนิยมจึงต่อต้านระบบ Hierarchies ระบบ Academic ต่อต้านการจัดอันดับ การประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ
ท่านกูฏมีมุมมองความคิดและแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแปลกใหม่และไม่ยึดติด ตามหลักธรรมชาตินิยม สัจจนิยม เหมือนระบบ Cosmos ที่พึ่งพาอาศัยกันของธาตุทั้งมวลเป็นภาษาสากล ไม่แบ่ง เขา-เรา ขาว-ดำ จากความดิบแห่งการสร้างสรรค์และจินตนาการซึ่งมาจากความเป็นคน ไปสู่ความเป็นสากลโดยไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่น (จิตรกรรมฝาผนังไทย) ไม่ปฏิเสธความเป็นธรรมดาสามัญที่ผลิตสร้างมาจากมือ (สร้าง, ฝึก) ตา (เห็น, รู้สึก, สัมผัส) ใจ (หยั่งลึก, รับรู้, เข้าใจ)
ท่านกูฏยังใช้ธรรมชาติเป็นวิธีเนรมิตผลงานจากธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ประกอบกันเป็นจักรวาล ธาตุดิน เป็นพื้นฐานแห่งการสร้างสรรค์ (ดินให้กำเนิดต้นไม้ ) ธาตุน้ำ เป็นพื้นฐานของชีวิต ธาตุลม คืออากาศ ความเคลื่อนไหว และความคล่องแคล่ว ธาตุไฟ คือพลังงาน (ความคิด ปัญญา แรงบันดาลใจ)
การเรียนรู้ที่ท่านกูฏรวบรวมจากการอ่าน ฟัง สังเกตุ ฝึกปฏิบัติ และการศึกษาทางธรรม (ปัญญา จากพุทธ ไบเบิล และคัมภีร์ศาสนาหลากหลาย) บวกกับประสบการณ์ทางความคิดแนว animism (magic realism) ที่สะสมต่อเนื่องตลอดช่วงเวลา 57 ปีของท่านกูฏ เกิดเป็นภาวะนำทางสู่ปัญญา นำไปสู่ขั้นตอนนิรมิตสิ่งสร้างสรรค์ Great Art ปรากฏอยู่ในสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงวัดวาอารามและโรงแรมชั้นนำต่าง ๆ อาทิ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (มีการบูรณะงานศิลปะบนเสาปูน), โรงแรมมณเฑียร, โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ (จิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่บริเวณโถงบันได เล่าเรื่องการสถาปนากรุงเทพฯ และการก่อตั้งราชวงศ์จักรี)
ท่านกูฏมีบุตร 6 คน โดย ภาพตะวัน สุวรรณกูฏ (ลูกสาว) เป็นศิลปินและช่างเขียนจิตรกรรมฝาผนังเช่นกัน เคยฝึกงานกับบิดาในช่วง พ.ศ. 2512 – 2522 และร่วมกับพี่น้องคือ กาพย์แก้ว และ นาคนิมิตร สุวรรณกูฏ สานต่อและบูรณะผลงานของบิดา
ข่าว Lek..Yotita
โอดี้ :NEWS รายงาน
ธ.ค. 11, 2025 0
ธ.ค. 11, 2025 0
ธ.ค. 11, 2025 0
ธ.ค. 11, 2025 0






