Latest update พฤษภาคม 17th, 2025 8:17 AM
พ.ค. 17, 2025 admin ข่าวประชาสัมพันธ์ 0
ก้าวสู่ปีที่สองของงานใหญ่ที่นักแต่งเพลงรอคอย ‘MCT Presents Songwriter Thailand Showcase 2025: Songs of Tomorrow’ โดยบริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ร่วมกับ The People ที่จัดขึ้นเพื่อจุดประกายความคิด สร้างพื้นที่เรียนรู้ และยกระดับวิชาชีพนักแต่งเพลงไทย ผ่านเวทีแห่งการพบปะของนักแต่งเพลง ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และคนทำงานดนตรีจากหลากหลายรุ่น โดยในปีนี้จัดขึ้นที่ The Street Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้า The Street Ratchada พร้อมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ให้ผู้ชมทั่วประเทศได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ
งานเริ่มต้นขึ้นอย่างอบอุ่นและมีพลังด้วยการเปิดตัว VTR ‘Songs of Tomorrow’ ก่อนที่สองพิธีกรหลักของงาน ว่าน วันวาน และ จ๊อบ พงศกร จะขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางมาร่วมงาน เวทีเสวนาถูกเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการโดย คุณณฐพล ศรีจอมขวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ซึ่งเน้นย้ำวัตถุประสงค์สำคัญของงาน Songwriter Thailand Showcase ว่าเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมวิชาชีพนักแต่งเพลงให้เป็นอาชีพที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งานนี้จึงเป็นพื้นที่ให้ทั้งนักแต่งเพลงรุ่นใหม่และศิลปินผู้มีประสบการณ์ได้แบ่งปันองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และสร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน พร้อมเปิดโอกาสให้คนดนตรีได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับอาชีพนี้ให้ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างแท้จริง
“MCT อยากให้นักแต่งเพลงเป็นอาชีพที่มีรายได้มั่นคงและยั่งยืน มีคนที่สามารถเรียกตัวเองได้ว่ามีอาชีพนักแต่งเพลง อยู่ในเมืองไทยเยอะ ๆ”
ภายในพิธีเปิดยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการบริหาร บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด (MCT) พร้อมด้วยศิลปินจากหลากหลายค่ายเพลงและแนวดนตรีที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ซึ่งล้วนเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนคุณภาพของเสียงเพลงไทยจากรุ่นสู่รุ่น
ในลำดับต่อไปก็เริ่มต้นที่หนึ่งในหัวใจหลักของงานปีนี้ คือเวทีเสวนา “Future of Music” ที่พูดคุยถึงบทบาทของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ในวงการเพลง ซึ่งเป็นการต่อยอดอย่างเข้มข้นผ่านประสบการณ์จริงของผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ พล Boxx Music, แม็กซ์ The Darkest Romance, และ ตูน Three Man Down
ทุกคนเห็นตรงกันว่า AI ไม่ใช่ศัตรู หากเป็น “เครื่องมือ” ที่เราต้องรู้จักและใช้ให้เป็น เริ่มจาก ตูน Three Man Down ที่ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรง ที่ใช้ AI สร้างเสียงของเพื่อนร่วมวงที่ล้มป่วย มาช่วยทำเดโม จนสามารถพัฒนาต่อเป็นเพลงได้ ต่อด้วย แม็กซ์ The Darkest Romance ที่ยังไม่ใช้ AI จริงจัง แต่ยอมรับในโอกาสที่เทคโนโลยีนี้เปิดให้กับวงการ ปิดท้ายด้วย พล Boxx Music ตัวแทนจาก MCT ที่เล่าถึงการใช้ AI เป็นที่ปรึกษาในการเสนอไอเดีย แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน
สิ่งที่ทั้งสามคนเน้นตรงกันคือ “การพัฒนาตัวเองให้เป็น Top Level” ที่ไม่มีใครหรือเครื่องจักรใดมาแทนที่ได้ โดยเฉพาะในด้าน “อารมณ์ จิตวิญญาณ และความรู้สึก” ที่เป็นหัวใจของดนตรี
เวทีนี้ยังพูดถึงปัญหาสำคัญอย่าง ราคากลางของอาชีพดนตรี, ลิขสิทธิ์ในยุค AI, และ บทบาทของ MCT ในการสร้างระบบนิเวศใหม่ ที่คนดนตรีสามารถดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนได้จริง ในฐานะผู้ที่จะช่วยดูแลการจัดเก็บลิขสิทธิ์ดนตรี ไปจนถึงเรื่อง “สุขภาพใจ” ของผู้สร้างสรรค์เสียงดนตรีว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพื่อให้ฉายให้เห็นความท้าทายที่คนดนตรีแทบทุกคนต้องเผชิญ แต่ก็รวมไปถึงวิธีมอง “อาชีพ” นี้ ให้นักแต่งเพลงสามารถยืนระยะกับความท้าทายนี้ต่อไป
ไฮไลต์พิเศษในช่วงนี้ยังรวมถึงการปรากฏตัวของแขกรับเชิญพิเศษ WIN[AI] รองชนะเลิศประกวดแต่งเพลงปีก่อน โดยที่ปัจจุบัน ใช้ AI ช่วยทำเพลงออกมาเป็นอัลบั้มชื่อ WIN[AI] ซึ่งคุณวินัยก็ได้หยิบกรณีศึกษาในการสร้างสรรค์ของตัวเองผ่านเครื่องมือ AI ต่าง ๆ ตั้งแต่ ChatGPT, SUNO ไปจนถึง AI สัญชาติเกาหลีอย่าง SORI SORI ซึ่งคุณวินัยก็ได้นำเสนอทั้งการป้อน Prompt ไปจนถึงขั้นตอนและการส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องมุมมองและข้อถกเถียงที่คนอาจมีต่อการสร้างสรรค์เพลงด้วย AI
ถัดมา ในช่วง “Inspiration Talk: Soundscape of Tomorrow – เสียงของวันพรุ่งนี้” ได้รวมศิลปินนักแต่งเพลงแถวหน้าของวงการ ได้แก่ กานต์ The Parkinson, ปอ และน้ำวน Whal & Dolph, และ เอ๊ะ ละอองฟอง มาร่วมถอดรหัส “เสียงของวันพรุ่งนี้” ผ่านเรื่องเล่าจากเพลงที่พวกเขาเขียนขึ้น และประสบการณ์จริงที่สะท้อนตัวตนของคนดนตรีในยุคเปลี่ยนผ่าน
การเสวนาจะชวนพูดคุยไปถึงการสร้างสรรค์ดนตรีในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตถึงปัจจุบัน ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน โดยคำตอบของแต่ละคนสะท้อนจุดยืนและมุมมองที่หลากหลาย ไปจนถึงวิธีการสร้างสรรค์ในรูปแบบของตัวเองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น
ตลอดช่วงเวลา 45 นาทีของช่วงเสวนานี้ ผู้ชมได้ร่วมเดินทางผ่านเบื้องหลังเพลงดังอย่าง “ฉันยังเก็บไว้” “จะบอกเธอว่ารัก”, “ยิ้ม”, “คนชั่ว 2018”, และ “ดีใจหรือเปล่า” เป็นต้น ที่สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างสรรค์ถ้อยคำและเสียงดนตรีผ่านเสียงหัวเราะ น้ำตา และแรงบันดาลใจ จาก กานต์ The Parkinson, ปอ และน้ำวน Whal & Dolph, และ เอ๊ะ ละอองฟอง ที่ถูกแบ่งปันและส่งต่อไปทั่วทั้งห้อง
หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดลับสมองและปลายปากกากับเวที “Songwriter Interactive Workshop” ภายใต้หัวข้อ “Sound of Tomorrow: Crafting Tomorrow’s Hits” โดยเวิร์กช็อปครั้งนี้ออกแบบให้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทั้งความรู้ เทคนิค และแรงบันดาลใจ ในการแต่งเพลงให้ไม่เพียงทำงานได้จริง แต่ยังสร้างอิทธิพลและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในยุคดนตรีเปลี่ยนผ่าน
ผู้ร่วมเวิร์กช็อปประกอบด้วย 3 นักแต่งเพลงระดับแนวหน้าที่ผลงานของพวกเขาคุ้นหูพวกเราทั้งสิ้น ตั้งแต่ D Gerrard ศิลปินที่มีสไตล์เฉพาะตัว และมีผลงานฮิตไวรัลมากมายอย่าง Galaxy และ รถไฟบนฟ้า, แบงค์ รัฐวิชญ์ นักเขียนเพลงผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตในวงการเพลงลูกทุ่งและ T-Pop อย่าง ว่าว และ นะหน้าทอง และ เอก SEASON FIVE นักร้อง-นักแต่งเพลงเจ้าของเสียงร้องที่สะท้อนอารมณ์ลึกซึ้งในทุกท่อนฮุค อย่างเพลง แหลก และ Sky & Sea
ภายในเวิร์กช็อป ทั้งสามคนเปิดเผยเคล็ดลับการทำเพลงที่มาจากประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางโครงสร้างเนื้อร้อง การวิเคราะห์ “ดนตรีนำ” หรือ “เนื้อร้องนำ” การตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเริ่มต้นแต่งเพลง ไปจนถึงกระบวนการคัดเลือกคำที่กระชับแต่ทรงพลัง โดยหยิบยกเอากรณีศึกษาจากผลงานของตนมากล่าวถึง พร้อมแกะรอยทีละถ้อยคำที่เรียงร้อยอยู่ในท่อนต่าง ๆ
การเวิร์กช็อปนี้จึงเปรียบเหมือนการที่ศิลปินเหล่านี้ได้มาแบ่งปันเคล็ดลับการสร้างสรรค์ และอาจทำให้ผู้ที่ได้ฟังสามารถ “ตั้งคำถาม” และ “เจียระไนตัวเอง” อีกครั้ง ทั้งด้านความคิดและทักษะ โดยเฉพาะกับนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญทั้งแรงกดดันจากกระแส และความท้าทายในอุตสาหกรรมดนตรีในยุคปัจจุบัน
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอยตลอดทั้งงาน คือการประกาศผลการประกวดแต่ง “เนื้อร้อง-ทำนองเพลง” ภายใต้โจทย์ “อดีต • ปัจจุบัน • อนาคต” ที่เปิดรับผลงานจากนักแต่งเพลงหน้าใหม่ทั่วประเทศ โดยในปีนี้มีผลงานส่งเข้าร่วมกว่า 1,000 บทเพลง และคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายเพียง 10 เพลงสุดท้าย ที่เปล่งเสียงของตัวเองออกมาได้อย่างเฉียบคม มีเอกลักษณ์ และสะท้อนความหมายของการเป็น “เสียงของอดีต • ปัจจุบัน • อนาคต” อย่างแท้จริง
โดยพิธีกรก็ได้ประกาศชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลตามลำดับ ตั้งแต่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เพลง “คำถามถึงพี่ ๆ วงนั่งเล่น” โดย ปรานต์ ภัทรางกุล ที่ เอก SEASON FIVE ให้ความเห็นว่าเป็นบทเพลงที่โดดเด่นในแง่ชั้นเชิงการแต่ง โครงสร้างเรื่องร้อยเรียงผ่านอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างแนบเนียน เป็นงานเขียนที่สะท้อนความเข้าใจกลไกของบทเพลงอย่างลึกซึ้ง คณะกรรมการมองว่าเป็นผลงานที่มีศักยภาพทางภาษาสูง แต่ยังมีระยะให้พัฒนาในแง่ความเข้าถึงของกลุ่มผู้ฟังวงกว้างมากขึ้น
ในลำดับต่อมา สำหรับ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ เพลง “ผู้ชม” โดย นพรุจ ศรีม่วง feat. Khem FREEHAND ที่ แม็กซ์ The Darkest Romance มองว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ใช้ภาษาที่เฉียบคมและมีจังหวะในการวางคำอย่างชาญฉลาด เต็มไปด้วยการอุปมาอุปไมยที่แปลกใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ แม้ยังมีจุดที่อาจต้องปรับเพื่อลดชั้นเชิงในบางช่วง แต่ถือเป็นผลงานที่ฉายแววชัดเจนของนักแต่งเพลงคุณภาพ
สำหรับ รางวัลชนะเลิศ นั้น ตกเป็นของเพลง “10 Minutes Before…” โดย อริญชย์ หมัดนุรักษ์ ft. Tayuu โดย ตูน Three Man Down มองว่าเป็นบทเพลงที่สร้างสมดุลอย่างพอดีในหลายมิติ ทั้งเนื้อหาที่เรียบแต่มีชั้นเชิง การสื่อสารที่ร่วมสมัยและเชื่อมโยงกับผู้ฟังยุคปัจจุบันได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้เนื้อหาอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สามารถเล่าออกมาได้อย่างน่าสนใจ จังหวะของคำที่วางไว้ในแต่ละท่อนช่วยเสริมให้เพลงติดหูและน่าจดจำ และเห็นทิศทางที่จะสามารถต่อยอดให้เพลงนี้สมบูรณ์แบบขึ้นกว่าเดิม
หลังการประกาศผล และมอบประกาศนียบัตรให้แก่อีก 7 ท่าน ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ผู้ชมในฮอลล์และผู้ชมออนไลน์ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งแรกของการแสดงสดจากเพลงที่คว้ารางวัลทั้ง 3 เพลง ที่จะบรรเลงโดยทีมเรียบเรียงและแบ็คอัพศิลปินระดับประเทศที่ได้ทำงานให้กับ ปู Blackhead, แน็ป the nap, เอ๊ะ จิรากร, เฟย์ ฟาง แก้ว, NiceCNX, P-hot, โดม ปกรณ์ ลัม และดัง พันกร
บรรยากาศภายในฮอลล์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปรบมือ และเสียงเชียร์จากเพื่อนนักแต่งเพลง ศิลปินรุ่นพี่ และผู้ชมที่ซึมซับบทเพลงด้วยหัวใจ ก่อนจะไปถึงช่วงท้ายของการแข่งขัน ก็ยังมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ กับการกลับมาแสดงของ ปืน เนติ และ สตางค์ รัฐพล ผู้เข้าประกวดจากปีที่แล้ว ที่ใช้เวทีนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพนักแต่งเพลง โดยพวกเขานำผลงานใหม่ที่แต่งเองทั้งหมดขึ้นโชว์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าประกวดในปีนี้
‘Songwriter Thailand Showcase 2025’ อาจปิดฉากลงในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคม แต่เสียงของนักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่เปล่งออกมาในงานนี้กลับไม่จบเพียงแค่นั้น ตรงกันข้าม บทเพลงทุกท่อน ความคิดทุกถ้อยคำ และเวทีทุกช่วงเวลาคือหนึ่งในการ “เริ่มต้น” ที่แท้จริงของการขับเคลื่อนวงการนักแต่งเพลงไทยสู่อนาคต
งานนี้ คือบทพิสูจน์ว่า คนดนตรีไทยไม่ได้ขาดแคลน “ความสามารถ” หากแต่ยังต้องการ “พื้นที่” ที่เปิดรับ เปิดฟัง และเปิดโอกาสให้ได้แสดงออกอย่างแท้จริง
ในฐานะผู้จัดงาน บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MCT ร่วมกับ The People ยืนยันเจตนารมณ์ในการสร้างระบบนิเวศที่ทำให้นักแต่งเพลงไทยสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะด้วยการส่งเสริมความรู้เรื่องลิขสิทธิ์ การประสานความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกอย่าง CISAC หรือการผลักดันให้เกิดความเข้าใจเรื่องค่าตอบแทนที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมดนตรี
ทุกบทสนทนา เวิร์กช็อป และการแสดงในวันนี้ ต่างสะท้อนเป้าหมายเดียวกัน—สร้างแรงบันดาลใจให้คนดนตรี สร้างเสียงของวันพรุ่งนี้ให้ดังกว่าที่เคย—และนี่คือเพียงก้าวแรกของการเดินทางที่ยังต้องการเสียงของทุกคนร่วมกันต่อไป
ข่าว Lek..Yotita
โอดี้NEWS รายงาน
พ.ค. 17, 2025 0
พ.ค. 17, 2025 0
พ.ค. 17, 2025 0
พ.ค. 17, 2025 0